รถกู้ชีพ รพ.บางบัวทอง เร่งไปรับผู้ป่วย เกิดเฉี่ยวชนกระบะ แต่ตกลงกันไม่ได้ แม้ร้องขอไปรับคนป่วยก่อน กระบะไม่ยอมให้ไปกลัวเสียประวัติต่อประกัน สุดท้ายไม่ทันการณ์ผู้ป่วยเสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ร.ต.อ.ธนัญชัย คันธหัสถี รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

ได้รับแจ้งมีรถกู้ชีพ รพ.บางบัวทองเฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะ เหตุเกิดบริเวณปากทางเข้าซอยวัดลาดปลาดุก ถนนกาญจนาภิเษก จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน กร-1767 นนทบุรี ซึ่งเป็นรถกู้ชีพของ รพ.บางบัวทอง มี นายณัชพล สาคร อายุ 35 ปี เป็นคนขับ  เฉี่ยวชนกับรถกระบะ โตโยต้า สีเทา  มีนายชัยวัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี เป็นคนขับ จากการตรวจสอบรถกู้ชีพ พบรอยเฉี่ยวที่ท้ายรถด้านซ้าย สีถลอก ส่วนรถกระบะมีรอยเฉี่ยวชนที่กันชนด้านหน้าขวา ได้รับความเสียหายเล็กน้อย โดยทั้งสองไม่สามารถตกลงกันได้  จึงนำตัวคู่กรณีมาสอบสวนที่โรงพัก

นายณัชพล คนขับรถยนต์ตู้กู้ชีพ รพ.บางบัวทอง กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสั่งการพระนั่งเกล้า ให้ไปรับผู้ป่วยเป็นหญิงชราวัย 74 ปี ที่มีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ที่หมู่บ้านบางบัวทอง บ้านเลขที่ 103/271 หมู่ 6 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จึงเดินทางไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่พยาบาล และผู้ช่วยพยาบาล โดยระหว่างทางตนได้เปิดสัญญาณไซเรนขอทางมาตลอด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุตนได้พยายามขับรถเบี่ยงเข้าช่องทางด้านซ้าย เพื่อเลี้ยวเข้าซอยวัดลาดปลาดุก ปรากฏว่าท้ายรถไปเฉี่ยวกับรถกระบะคู่กรณี จึงได้นำรถเข้าจอดด้านซ้าย พร้อมกับรถกระบะคู่กรณี ก่อนที่ตนและเจ้าหน้าที่พยาบาล จะลงมาคุยกับคู่กรณี  ซึ่งตนและพยาบาลได้บอกกับคนขับว่า ขอไปรับคนป่วยก่อนได้ไหม โดยได้บอกให้คนขับไปรอที่ รพ.บางบัวทอง แต่เขาไม่ยอม บอกให้รอประกันก่อน เพราะเขาไม่อยากเสียประวัติในการต่อประกันครั้งต่อไป ตนจึงได้แจ้งไปที่ศูนย์วิทยุสั่งการพระนั่งเกล้า เพื่อขอรถกู้ชีพคันใหม่ให้ไปรับคนป่วยแทน เนื่องจากคิดว่าคงไม่สามารถไปรับคนป่วยได้แน่แล้ว เพราะคู่กรณีเขาไม่ยอมอย่างเดียว

"ผมและพยาบาล ได้พยายามขอร้อง นายชัยวัฒน์ คนขับปิคอัพแล้วว่าขอให้เห็นใจ เพราะต้องรีบไม่มีเวลาแล้ว ต้องไปรับคนป่วย เนื่องจากผมเห็นว่ารถกระบะของเขาเสียหายเล็กน้อย มีเพียงสีขาวของรถตู้ของผมเท่านั้น ที่มีรอยติดอยู่ที่รถเขา แต่นายชัยวัฒน์กลับไม่ยอม ผมก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร" คนขับรถยนต์ตู้กู้ชีพ กล่าว ด้ายนายชัยวัฒน์ คนขับรถกระบะ กล่าวว่า ขณะขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุ สังเกตุเห็นรถตู้เปิดสัญญาณมา ก่อนที่รถตู้จะขับปาดหน้าจนเกิดการเฉี่ยวชนกัน เมื่อลงมาเจรจา คนขับรถตู้ได้บอกให้ตนไปรอที่โรงพยาบาล ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าโรงพยาบาลอะไร และตนก็ไม่รู้ว่ารถตู้คันดังกล่าวจะไปรับคนเจ็บ ตนจึงบอกให้คนขับรถตู้รอประกันของตนมาก่อน เพราะตนไม่อยากจะเสียประวัติในการต่อประกันครั้งต่อไป

หลังจากทั้งสองฝ่ายมาถึงโรงพัก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจาไกล่เกลี่ยจนคู่กรณีพอใจ จึงได้แจ้งข้อหาประมาทร่วมทั้งสองฝ่าย พร้อมทั้งทำการเปรียบเทียบปรับคนละ 400 บาท โดย นายชัยวัฒน์ คนขับรถกระบะ จะออกค่าปรับให้ นายณัชพล คนขับรถตู้กู้ชีพ รพ.บางบัวทอง แต่นายณัชพล ขอออกเอง ก่อนจะแยกย้ายกันไป

ต่อมา ร.ต.ท.เอื้ออังกูร ชินโชติธีรนันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางบัวทอง ได้เดินทางไปชันสูตรศพ นางชูศรี อ่อนสัมพันธ์ อายุ 74 ปี ที่เสียชีวิตหลังจากรถกู้ชีพไปรับไม่ทัน โดยทางญาติผู้เสียชีวิตหลายคนต่างพากันโกรธมาก เมื่อทราบเหตุการณ์ และอยากจะเดินทางมาดูหน้าคนขับรถกระบะคู่กรณี ที่ไม่ยอมให้รถกู้ชีพไปรับคนป่วย จนเป็นเหตุทำให้นางชูศรี เสียชีวิตในเวลาต่อมา เพราะถ้าหากไปทัน เหตุการณ์แบบนี้อาจไม่เกิดขึ้น เนื่องจากในรถกู้ชีพมีถังออกซิเจน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาจยื้อชีวิตผู้ป่วยและนำส่ง รพ.ได้ทัน โดยญาติบางคนบอกว่าคิดไม่ถึงสังคมวันนี้จะมีคนที่แล้งน้ำใจได้ขนาดนี้  นี่ถ้าไม่ติดที่จะต้องไปรับศพมาทำพิธีที่วัด จะเดินทางไปโรงพัก เพื่อดูหน้าคนขับรถรายนี้และอยากถามว่าถ้าเป็นญาติของคุณวันนี้คุณจะคิดเช่นไร
แหล่งที่มา:http://www.dailynews.co.th/regional/549889